วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้รับรางวัล


รางวัล BREAST CANCER FOUNDATION ADFEST 2011


                                                       
                                  
                                       ( ที่มาของภาพนี้  : http://www.adfest.com/winners2011 )

       
                                                      “ ตรวจมะเร็งเต้านม เรื่อง สิว ”
                                           การรณรงค์ตรวจเต้านมของคุณเองด้วยตัวเอง
                                            เพื่อค้นหาก้อนมะเร็งเต้านมก่อนจะเป็นภัย 
                              ภาพนี้ทำให้เป็นเรื่องที่น่าสัมผัส ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป

                                                                                                  

             ภาพโปสเตอร์ที่คว้ารางวัล  Adfest 2011 กับหัวข้อโลตัสโปสเตอร์ ในหมวดหมู่การนัดหมายที่ดีที่สุดของสังคม ทำขึ้นเพื่อมูลนิธิมะเร็งเต้านม ภาพโปสเตอร์นี้เป็นโปสเตอร์จากบริษัท สิงคโปร์ DDB ซึ่งคว้ารางวัลที่ 2 ไปแบบเก๋ๆ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยภาพน่ารักๆ บนเรือนร่างหญิงสาว แต่ครั้งแรกที่พบ ต้องบอกเลยว่า สะดุดมากกับแนวคิดแปลกๆแบบนี้  ใครจะไปคิดว่ารณรงค์มะเร็งเต้านมคราวนี้ จะปราศจากรูปมะเร็งน่าเกลียดๆ และภาพขั้นตอนการคลำด้วยตนเองที่ละขั้นๆ และข้อความง่ายๆที่ว่า “การตรวจมะเร็งไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คุณคิด” นั่นก็ออกจะดูเชยน่าดู แต่โปสเตอร์ชิ้นนี้นำเสนอแนวคิดที่ว่า มันเป็นเรื่องง่าย และไม่ได้น่ากลัว เรียกได้ว่าเป็นเรื่องสิวๆด้วยซ้ำไป


               ครั้งแรกที่เห็นภาพนี้คุณเห็นอะไร ?

  ตัวการ์ตูน สิว หรือ นม?

           

                สิ่งที่ดิฉันเห็นก็คือ ตัวการ์ตูนที่เป็นสิว เมื่ออ่านข้อความก็จะเห็นว่า โปสเตอร์นี้เป็นโปสเตอร์ที่ผสมผสานหลักเหตุผล และวัตถุประสงค์ได้อย่างลงตัว จุดประสงค์ของเขา คือ ต้องการให้เราคิดว่ามะเร็งมันเป็นแค่เรื่องสิวๆ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่อย่างไร หรืออาจจะกล่าวไปถึงเรื่องของฮอร์โมนต้นเหตุที่ทำให้เกิดสิว และฮอร์โมนที่เกิดในมะเร็ง ซึ่งเป็นตัวเดียวกัน ก็คือ ฮอร์โมนแอนโดรเจนนั่นเอง นอกจากนี้ยังแฝงแนวคิดที่ทำให้ผู้หญิงเรานั้น รู้จักสนใจและใส่ใจการเกิด มะเร็งเต้านมให้เหมือนกับการที่พวกเขาสนใจเรื่องสิวที่ทำลายความสวยงามบนใบหน้าพวกเขานั่นเอง  

                การเน้นที่ตัวการ์ตูน เพื่อให้มีจุดประสงค์น่าสนใจ ด้วยการถ่ายทอดภาพลงบนเรือนร่างหญิงสาว โดยการสื่อออกมาให้สิวของรูปการ์ตูนที่หน้าอกหญิงสาว ตรงกับหัวนมพอดิบพอดี แต่ด้วยสีสันและความน่ารักของตัวการ์ตูน จุดนี้อาจเป็นจุดเด่นที่ทำให้แว้บแรกของคุณไม่เห็นหน้าอกไปเลยก็ได้ การที่เน้นตัวการ์ตูนเป็นจุดเด่นยิ่งทำให้จุดประสงค์ของเรื่องนั้นชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก นั่นคือ มันไม่ใช่เรื่องหน้ากลัว ในเรื่องของความสมดุลจะเป็นในเรื่องของน้ำหนักของโทนสีมาก กว่า ถึงแม้พื้นที่ทางซ้ายจะดูเยอะกว่า แต่ภาพด้านซ้ายประกอบไปด้วยภาพสีขาว จึงทำให้ดูบางเบา และเมื่อมาดูที่ภาพการ์ตูนที่เป็นสีที่อยู่ตรงกลาง ถึงแม้ด้านขวาจะไม่มีรูปอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพเสียสมดุลเลยสักนิด เมื่อบวกกับตัวอักษรเล็กๆ 3 - 4 บรรทัด ภาพโดยรวมออกมาเรียบง่าย เป็นความเรียบง่ายโดยองค์ประกอบของภาพตั้งแต่เส้น สี ไม่ได้มีขั้นตอนวิธีการที่ซับซ้อน อีกทั้งยังมีความเป็นเอกภาพมีการดึงจุดที่น่าสนใจไว้จุดเดียว คือ รวมกันที่กลางภาพ ทำให้ผลงานที่ออกมาดูเข้าใจง่าย  และไม่มีทิศทางอื่นให้ตีความหมายต่อ ไม่ต้องเป็นเรื่องราวเต็มน่ากระดาษ สื่อออกมาด้วยตัวการ์ตูนหนึ่งตัวกับร่างกาย เห็นความหมายสองต่อ ต่อที่ 1 คือ มันป็นเรื่องสิวๆ ต่อที่ 2 คือ การถ่ายทอดเรื่องราวที่หน้าอกหญิงสาว ทำให้เข้าใจได้ชัดเจนว่าเป็นการรณรงค์ที่ส่วนไหน การปิดเรือนร่างหญิงสาวด้วยตัวการ์ตูนทำให้ภาพออกมาดูน่ารัก และทำให้กล้าเดินเข้าไปดูอย่างไม่เหนียมอาย ดีกว่าใช้ภาพสาวโป๊เปลือย หรือการ์ตูนเชยๆ ที่แสนจะไร้สไตล์มาแทนซะอีก




 










( ที่มาภาพทั้งสอง : http://www.maradme.com) 


              นอกจากนั้นตัวโปสเตอร์ในโครงการนี้ ไม่ได้มีเพียงงานชิ้นนี้เพียงชิ้นเดียว แต่ถึงแม้บางตัวไม่ได้รับรางวัลเพราะการสื่อสารความหมายอาจไม่ชัดเจน แต่ก็มีการสื่อสารไปในทำนองเดียวกัน ซึ่งลักษณะภาพออกมาคล้ายกัน แต่จะแตกต่างในส่วนขอการสื่อสาร ที่โปสเตอร์สิวสามารถดึงเอาวัตถุประสงค์ คือ การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองเป็นเรื่องง่าย และหลักเหตุผล คือ การเจาะลึกไปในเรื่องของฮอร์โมนที่ทำให้เกิดมะเร็งและสิว ดึงจุดเด่นของทั้งสองสิ่งออกมา ในการนำเสนอในภาพๆเดียว เป็นไอเดียที่บรรเจิด หรือจะเรียกว่าใส่ใจรายละเอียดจริงจริ๊ง โปสเตอร์นี้จึงได้รับความนิยม และคว้ารางวัลไป เพราะภาพๆนี้เต็มไปด้วยคุณค่าทางความคิด และการออกแบบการสื่อสารที่ชัดเจน และเข้าใจง่ายกว่านั่นเอง



       

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

วิเคราะห์การออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ที่ชื่นชอบ "ต่วย'ตูน"

ต่วยตูน
            
           “ต่วย-ตูน” หนังสือน่าอ่านข้ามยุคสมัย มันไม่ใช่หนังสือการ์ตูนทั่วไป แต่แฝงไว้ด้วยเนื้อหาสาระ เรื่องราวมากมาย มีครบทุกอรรถรส ทั้งความสนุกสนาน เฮฮา และแฝงไปด้วยความรู้ต่างๆ เรียกได้ว่า เมื่อได้อ่านแล้ว ทำให้เราหูตากว้างไกลเลยทีเดียว  นักเขียนต่วยตูนมีทั้งข้าราชการ วิศวกร นายช่าง นานาอาชีพเลยก็ว่าได้ ซึ่งเจ้าของต่วยตูนเป็นผู้เลือกสรรมาแล้วทั้งนั้น

     “ต่วย-ตูน” เป็นนิตยาสารพ็อกเกตบุคส์รายปักษ์ รวมเรื่องสั้นและขำขัน 

ซึ่งก่อตั้งโดย “คุณวาทิน  ปิ่นเฉลียว หรือ  “ต่วย”


ที่มาของภาพ : http://www.flickr.com/photos/dinhin/6162131373



ที่มาของภาพ : http://www.sabuyjaishop.com

           “ต่วย-ตูน” เป็นหนังสือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว ด้วยชื่อก็ดี หรือเนื้อหาก็ดี และมีมานานมากจะเรียกได้ว่าตั้งแต่ดิฉันยังเป็นเด็กเลยก็ว่าได้ และการที่ดิฉันหยิบยก “ต่วย-ตูน” ขึ้นมาวิเคราะห์ ก็เพราะความเป็นเอกลักษณ์ของหนังสือเล่มนี้ บวกกับรูปเล่มและการออกแบบที่อยู่ยังคงกระพันมานานเป็นสิบๆปี  ทำให้ฉันรู้สึกว่า หนังสือเล่มนี้มีดีอย่างไรถึงอยู่ได้นานขนาดนี้มาพิจารณากันเลยนะค่ะ

เมื่อเห็นต่วยตูน คุณคิดถึงอะไร ?

ตัวอักษรชื่อเรื่อง หรือภาพเก่าๆ ใช่ไหมค่ะ !  

ใช่แล้วค่ะ J


ที่มาของภาพ : http://kaimookbook.tarad.comproduct.detail_520292_th_2709839

           แน่นอนค่ะ “ต่วย-ตูน” มีเอกลักษณ์ที่เด่นที่สุดคือ ตัวอักษร “ต่วย-ตูน” จะใช้ตัวอักษรเพียงหนึ่งหรือสองแบบตลอดชิ้นงาน การออกแบบให้มีภาพที่มีโครงสีคล้ายคลึงกัน หรือเลือกใช้สีจากชุดสีเดียวกันตลอดทั้งงานจะเห็นได้ว่าหนังสือ “ต่วย-ตูน” แต่ละเล่มจะมีสีพื้นที่เด่นหนึ่งสี และสีของรูปภาพก็จะเป็นสีที่เป็นโทนเดียวกันกับสีพื้น ตัวอย่างเช่น  เล่มด้านบน จะมีสีพื้นเป็นสีเขียว และสีของรูปจะอยู่ในโทนเย็น ไปทางสีเหลือง ทำให้ภาพดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และงานที่ออกมามีการซ้ำกันของสี รูปร่างและพื้นผิวในที่ต่าง ๆ ตลอดทั้งงาน ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้ที่ทำให้หนังสือ “ต่วย-ตูน” มีความเป็นเอกภาพ (Unity) ซึ่งเอกภาพจะทำให้งานออกแบบดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นส่วนช่วยให้ผู้อ่านทราบว่าหนังสือเล่มนี้เป็นงานชิ้นเดียวกัน และเป็นจุดเด่นของงานอีกด้วย

           ต่อมาจะเป็นการเน้น (Emphasis) ที่ทำให้องค์ประกอบหนึ่งเป็นที่สังเกตเห็นก่อนส่วนอื่นๆ และแน่นอนค่ะ ดิฉันคิดว่าเอกลักษณ์ที่ตายตัวของ “ต่วย-ตูน คือตัวอักษรที่ไม่ว่าจะเป็นสีพื้นหรือเนื้อหาหนักหน่วงอย่างไร ตัวอักษรที่เสมือนเป็นโลโก้สีขาว ก็เป็นจุดเด่นที่เรียกความสนใจได้ไม่น้อย และการลดขนาดข้อความบนปกให้เล็กลง ก็ยิ่งทำให้ชื่อ “ต่วย-ตูน” เด่นขึ้นมาอีกป็นกอง เพราะด้วยความที่ตัวอักษรเป็นตัวใหญ่ และสีขาว บนพื้นสีต่างๆ ยิ่งทำให้ตัวหนังสือเด่นขึ้นมาเป็นทวีคูณ
            ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อองค์ประกอบนั้นแตกต่างจากองค์ประกอบอื่น บนงานออกแบบทุกชิ้นควรมีจุดเด่นนี้เพื่อดึงดูดสายตาของผู้คนไปสู่ส่วนสำคัญของงาน แต่ถ้ามีจุดเด่นมากเกินไปก็อาจไม่เกิดผลตามที่ต้องการ
             การเน้นจุดแห่งความสนใจ (Emphasis) หมายถึง การสร้างจุดแห่งความสนใจให้เกิดขึ้นในงานออกแบบ โดยการกำหนดบริเวณใดบริเวณหนึ่งในภาพที่เหมาะสม ให้มีลักษณะพิเศษกว่าบริเวณอื่น เพื่อให้ดึงดูดความสนใจแก่ผู้อ่าน


ที่มาของภาพ : http://www.vrasubooks.com

         เมื่อเห็นหนังสือเล่มนี้ ดิฉันเชื่อว่าคุณจะต้องรู้ถึงความมีระเบียบแบบแผน และความอนุรักษ์นิยม ความรู้สึกมั่นคง แข็งแรง  นั่นก็เพราะหนังสือเล่มนี้จะมีจุดเด่นในเรื่องของสมดุลของภาพที่ไม่ว่าจะมีภาพหรือข้อความมากมายขนาดไหน คุณก็จะเห็นทุกอย่างที่จัดออกมาอย่างเป็นระบบระเบียบ กล่าวรวมๆไปถึงความมีสัดส่วน ขนาด น้ำหนัก ฯลฯ ทั้งด้านซ้ายและขวา ตัวอย่างเช่นภาพด้านบน มีความสมดุลแบบสมมาตร (Symmetrical Balance) "ความสมดุลโดยองค์ประกอบภาพ" ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกำหนดจุดศูนย์กลางของชิ้นงาน และการตีกรอบภาพที่ไม่ค่อยพบเห็นกันในหนังสือเล่มใด โดยมีการเว้นช่องว่างสีขาวเป็นกรอบ หรือรูปภาพมืดๆ และบางครั้งตัวอักษรต่วย-ตูนที่มีการเน้นหนัก ก็จะมีภาพสีสว่าง สดใสมาช่วยให้สว่างขึ้น แต่เมื่มีอภาพถ่ายหรือภาพประกอบสีทึม ต่วย-ตูนก็จะมีการวางตัวหนังสือชิ้นเล็กๆหลายชิ้นประกอบเข้าไป และเว้นช่องไฟสีขาวโดยรอบเยอะขึ้น


ที่มาของภาพ : http://book-d-d.tarad.comproduct.detail_668723_th_3422353

        ความเรียบง่าย (Simplicity) ขององค์ประกอบในการจัดภาพของต่วย-ตูนสามารถสื่อความหมายได้ตามที่ต้องการ แม้ว่าตัวอักษร หรือข้อความบนปกจะมีมากมาย แต่ด้วยการจัดวางที่เรียบง่าย โดยส่วนใหญ่ดิฉันเห็นว่า ต่วย- ตูน มักจะย่อกลาง คือ มีภาพอยู่ตรงกลาง และข้อความก็จัดให้อยู่ตรงกลางเช่นกัน ซึ่งเป็นการจัดภาพที่ไม่ซับซ้อน ดูเรียบง่าย และเข้าใจง่าย ถึงแม้ว่า   นักออกแบบจะสามารถออกแบบให้ผลงานสวยงามหรูหราเพียงใด แต่หากไม่สามารถสื่อความหมายได้ตามที่ต้องการก็สูญเปล่า ดังนั้น หลักความเรียบง่ายของการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ ก็เพื่อให้ง่ายต่อการรับรู้ของผู้อ่านนั่นเอง


ที่มาของภาพ : http://kreebook.tarad.comproduct.detail_860446_th_3080175

          ในเรื่องของความสัมพันธ์ของขนาด รูปร่างขององค์ประกอบ และความสัมพันธ์ระหว่างด้านกว้างและด้านยาวของสิ่งพิมพ์หรือความมีสัดส่วน (Proportion) ต่วย-ตูน จะมีการเว้นระยะขอบทั้งด้าน และด้านล่าง โดยความคิดส่วนตัวของดิฉันคิดว่า นั่นอาจเป็นเพราะด้วยรูปแบบของการมีกรอบรูปภาพจึงทำให้ต้องมีการตีกรอบขึ้น และดูเหมือนว่าเป็นการเว้นระยะขอบทั้งสี่ด้านให้ดูสวยงาม เรื่องของตัวอักษร รูปภาพ ก็มักจะไม่หนักไปทางใดทางหนึ่ง
         และอีกอย่างคือเรื่องของทิศทาง ระยะตำแหน่งขององค์ประกอบ การวางองค์ประกอบมูลฐานทางศิลปะที่จะก่อให้เกิดความรู้สึกเคลื่อนไหวต่อเนื่องให้แก่ผู้อ่าน ไล่ลงมาตั้งแต่คำว่า “ต่วย-ตูน” การออกแบบจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าจะต้องอ่านลงมาอย่างเป็นลำดับ ทั้งในส่วนของตัวอักษรและช่องไฟมีจัดออกมาได้ลงตัวเป็นอย่างดี

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

อิทธิพลของ "นิตยสารเพื่อสุขภาพ"ที่มีต่อบุคคลในสังคม




                 ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น กาลเวลาจึงเปรียบเสมือนศัตรูแฝงของมนุษย์  สิ่งแวดล้อม และการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปจากอดีต อาจทำให้คนสมัยใหม่เริ่มกลับมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น   
               รูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คนที่เร่งรีบในปัจจุบัน อาจทำให้เราละเลย หรือให้ความสนใจการดูแลสุขภาพน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ อาหารการกิน สภาพจิตใจ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายคนมีสุขภาพไม่แข็งแรง หรือมีปัญหาด้านสุขภาพ การได้รับรู้ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการป้องกัน บำบัด บรรเทา และรักษาสุขภาพ จะช่วยคุณสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองได้ดีขึ้น โรคบางโรค บางอาการ ก็สามารถป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ชีวิตอย่างมีสมดุลในทุกๆด้าน
               ถ้าจะกล่าวถึงการดูแลสุขภาพที่ถูกวิธี สิ่งแรกที่เรานึกถึง คือ นิตยสารเพื่อสุขภาพที่มีวางจำหน่ายอยู่มากมายในท้องตลาด หรือตามแผงหนังสือชั้นนำทั่ว   และนิตยสารเพื่อสุขภาพที่ดิฉันอยากจะแนะนำให้รู้จักกัน คือ นิตยสาร Health today


 Health today นิตยสารเพื่อสุขภาพเต็มร้อย 

     ...ที่มียอดขายอันดับหนึ่ง ของนิตยสารเพื่อสุขภาพที่ผู้รักในการดูแลสุขภาพต้องนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ Health today มีวางจำหน่ายอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย  นิตยสารเล่มนี้เป็นนิตยสารรายเดือน จัดจำหน่ายอยู่ที่ราคา 80 บาท
            ภายในนิตยสารเพื่อสุขภาพเล่มนี้ จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัย จะให้คำแนะนำวิธีการต่างๆในการดูแลสุขภาพ บอกถึงคุณประโยชน์ของการดูแลสุขภาพ แนะนำวิธีการออกกำลังกายที่ถูกวิธี การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จนไปถึงการแนะนำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ นอกจากนี้ยังนำเสนอวิธีการดูแลรักษาตนเองให้ห่างไกลจากโรคภัยต่างๆอีกด้วย
                 นอกจากหนังสือหรือนิตยสารแล้ว ตามรายการโทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุก็ตาม ได้มีการนำเสนอข่าวสารและเคล็ดลับการดูแลรักษาสุขภาพ
            การนำเสนอข่าวสารตามรายการโทรทัศน์หรือแม้กระทั่งวิทยุที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับสุขภาพเหล่านี้ก็ต่างได้รับอิทธิพลมาจากนิตยสารเพื่อสุขภาพทั้งนั้น หนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้นนิตสาร Health today ที่ถูกกล่าวถึงอย่างบ่อยครั้งในรายการสุขภาพต่างๆ
            การหยิบยกเอาเนื้อหาภายใน นิตยสาร Health today มานำเสนอรายการโทรทัศน์ก็มีอิทธิพลต่อผู้ฟังเป็นทอดๆ  เรียกได้ว่า สื่อสิ่งพิมพ์เล่มนี้มีอิทธิพลเป็นไปในทางลักษณะวงกลม คือ ผู้อ่าน > นำมาเสนอ  > ผู้ฟัง > สนใจ > ซื้อหนังสือมาอ่าน > อยากดูแลสุขภาพ เรียกได้ว่าอาจเป็นอิทธิพลต่อประชาชนในทางอ้อมก็ว่าได้  Health today จึงเป็นที่นิยมมาอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานานกว่า 12 ปี และยังคงได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างเช่น ในรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับผู้หญิ๊งผู้หญิง ที่นำเสนอเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นไปทางการดูแลสุขภาพ ได้มีการนำเอาเนื้อหาในนิตยสารเกี่ยวกับสุขภาพมากมายมานำเสนอต่อผู้ชม


อิทธิพลของนิตยสารเพื่อสุขภาพต่อบุคคล ต่อสังคม ต่อประเทศ
-                   ต่อบุคคล  >  ตัวอย่างเช่น ตัวดิฉันเองได้หยิบยกหนังสือเพื่อสุขภาพเหล่านี้มาเป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพตัวเองให้ถูกวิธี และเปลี่ยนความเชื่อเก่าๆในการดูแลตัวเองให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น อย่างเช่น การดูแลผิวพรรณ อาหารการกิน เป็นต้น

-                   ต่อสังคม  >  กลุ่มคน หรือกลุ่มสังคมที่รักษาสุขภาพและใส่ใจสุขภาพ มีมากมายในสังคมโลกออนไลน์ ในอินเตอร์เน็ต เป็นต้น

                 นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลต่อบุคคลในสังคม    อย่างเช่น
      จากสถานการณ์น้ำท่วม เป็นที่รู้กันว่า   น้ำท่วม ทำให้เกิดความเครียด การที่เราจะไปพบแพทย์ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าจำนวนแพทย์ต่อประชากรที่ประสบปัญหานี้มันมีไม่เพียงและไม่ทั่วถึง อีกทั้งการเดินทางเป็นอุปสรรคอีกด้วย   
                  สิ่งที่บุคคลเหล่านี้จะทำได้ก็คือ วิธีการอ่าน  หนังสือ  ภายในนิตยสารเล่มนี้ก็จะมีคอลัมภ์ที่มีเนื้อหาแนะนำวิธีการคลายเครียดจากภัยน้ำท่วม เมื่อผู้คนได้อ่านแล้ว นำไปปฏิบัติและได้ผลจริงๆ ทำให้เขาอ่านหนังสือเล่มนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะมันทำให้การดำเนินชีวิตและสุขภาพของเขาดีขึ้นนั่นเอง

             สุดท้ายนี้สรุปได้ว่า นิตยสารเพื่อสุขภาพก็ยังคงมีบทบาทหน้าที่ในการช่วยให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพของคนในสังคม ทุกเพศ ทุกวัย แต่จะมุ่งเน้นไปในทางกลุ่มวัยทำงานมากกว่า เพราะเนื่องจากสภาวะการณ์ และหน้าที่ที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงของคนวัยนี้ ทำให้เกิดภาวะร่างกายทรุดโทรม  จิตใจย่ำแย่ขึ้นได้ง่ายๆ พวกเขาเหล่านี้จึงต้องหาเพื่อนคู่ใจที่จะมาให้ปรึกษาในการดูแลสุขภาพของพวกเขาได้อย่างถูกต้องและดียิ่งขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากโลกอินเตอร์ และการสื่อสารทางโทรทัศน์แล้ว ก็คงหนีไม่พ้นหนังสือหรือนิตยสารเพื่อสุขภาพเหล่านี้แหละที่ช่วยพวกเขาได้  แต่อย่างไรก็ตามในการบริโภคสื่อเหล่านี้ก็ควรอยู่ในความเหมาะสมด้วย หากบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพจิตของเราได้เช่นกัน...

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สื่อสิ่งพิมพ์ที่ชื่นชอบ "เรื่องมีอยู่ว่า ฉบับ ว่าด้วยรัก"

ชื่อหนังสือ เรื่องมีอยู่ว่า   ฉบับ ว่าด้วยรัก
ผู้แต่ง : The duang
สำนักพิมพ์ บรรลือ พับลิเคชั่นส์
ประเภท : หนังสือเรื่องสั้น แนวจิตวิทยา



                “เรื่องมีอยู่ว่า” เป็นหนังสือการ์ตูนที่เกิดจากนักเขียน The duang ที่เสนอมุมมอง “ทะลุกรอบ” เพราะคำว่า นอกกรอบคงดูธรรมดาไปสำหรับคำนิยามของหนังสือการ์ตูนเล่มนี้ “เรื่องมีอยู่ว่า” แห่งสำนักพิมพ์บรรลือ พับลิเคชั่น ออกสู่ท้องตลาดเป็นฉบับที่ 3 แล้ว และฉบับล่าสุดก็คือ “ฉบับว่าด้วยรัก” นี่เอง

                “เรื่องมีอยู่ว่า” เป็นหนังสือที่ดิฉันชอบมาก ชอบที่แนวคิดความทะลุกรอบ ชอบความธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ชอบความเรียบง่ายที่น่าอ่าน และฉบับที่ตัวดิฉันเองชอบมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “ฉบับว่าด้วยรัก”


ความรัก... 
ที่ใด หากปราศจาก”ความรัก” โอบล้อม
ที่แห่งนั้นย่อมไม่ต่างอะไรกับผืนแผ่นดินที่แห้งแล้ง


                  มุมมองความรักที่ไม่ได้มีความวิจิตรพิศดารอะไรมากนัก  แต่เป็นอีกมุมหนึ่งที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจ ให้เราได้ดื่มด่ำไปกับสัมพันธภาพแห่งรักที่หลากหลายรูปแบบ หลากหลายสถานะ หลากหลายสถานการณ์ ผ่านตัวการ์ตูนลายเส้น ไร้สีสันที่สะท้อนความจริงในสังคม และนำเหตุการณ์จริงบางเรื่องที่เกิดขึ้นจริงบนหน้าหนังสือพิมพ์ ผ่านการ์ตูนลายเส้นให้ได้อ่าน  ตัวการ์ตูนที่ผู้เขียนสื่อออกมาก็มีลักษณะแปลก และมีเอกลักษณ์ การใช้คำที่ ”สวย”  สวยในที่นี้ คือ สวย สวยเพราะเปรียบเทียบสวย เรียบสวย กินใจ เข้าถึงง่าย ลึกซึ้ง   สวยเพราะใช้คำง่ายๆ และคำถามง่ายๆ เหตุการณ์ง่ายๆ แต่เมื่ออ่านแล้ว ทำให้รู้สึกว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเรื่องนี้ ใช่เลย! เขาก็โดนเหมือนกัน ฉันก็โดนเหมือนกัน  ใครก็โดนทั้งนั้น ที่ไหนๆก็โดน...

              ภาพการ์ตูนลายเส้นปราศจากสีสัน  แต่สื่อความหมายได้อย่างชัดเจน เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ดิฉันเองชื่นชอบผลงานเล่มนี้เข้าอย่างจัง 
              หากจะกล่าวถึงความรักนั้นบางครั้งอาจลงท้ายด้วยความหอมหวาน หรือภาพที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่สำหรับหนังสือ “เรื่องมีอยู่ว่า” เล่มนี้แล้ว ภาพบางภาพอาจดูขัดแย้งกับเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนสื่อออกมา แต่มันก็บ่งบอกความหมายที่แท้จริงได้อย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว
                  เนื้อหาสาระที่ถ่ายทอดออกมานอกจากจะมาจากภาพลายเส้นที่สวยงามแล้ว ยังมีแก๊ก แกมหยิกแกมหยอกได้อย่างเจ็บแปลบ แสบ และคัน มุกขำขันที่ทั้งฮา และบางทีก็ทำเอาสะอึกอยู่เหมือนกัน มุกในที่นี้ก็ไม่ใช่มุกไร้ราคา แต่เป็นมุกที่มีค่า มีราคา ฮาด้วย      ดีด้วย รวมทั้งเรื่องสั้นชูกำลัง สร้างสรรค์แรงบันดาลใจหลากหลายที่ชวนให้ได้ย้อนคิด บางเรื่องอาจจะทำให้สะเทือนอารมณ์ กระทบต่อมน้ำตาอยู่บ้าง แต่ก็ผ่อนคลายได้ด้วยมุกฮาสั้นๆ ง่ายๆ แต่โดนใจ เรียกได้ว่า หนังสือเล่มนี้เมื่ออ่านแล้วอาจจะไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะร่าเหมือนการ์ตูนทั่วๆไป แต่ถ้าหากคุณได้ลองอ่าน “เรื่องมีอยู่ว่า” แล้วละก็... เรื่องของคุณ ก็จะมีอยู่ว่า คุณชอบหนังสือเล่มนี้ซะแล้วสิ



นายวีระชัย  ดวงพลา
นามปากกา :
 The Duang